อีกไม่ถึง 2 เดือน ฟุตบอลไทยลีก ซีซั่นใหม่ 2019 ก็จะเริ่มเปิดฉากกันในเดือน ก.พ.ปีหน้านี้ ซึ่งตอนนี้ทุกทีมในศึกไทยลีกก็กลับมาเข้าแคมป์ฝึกซ้อม บางทีมเดินสายอุ่นเครื่องกันแล้ว อีกทั้งเริ่มทยอยเปิดตัวนักเตะ เปิดตัวกุนซือกันไปเรียบร้อย เหลือบางทีมที่อาจจะยังอยู่ในระหว่างการเจรจากับนักเตะใหม่อยู่ พนันออนไลน์
ซึ่งเดี๋ยวเข้าสู่เดือนมกราคม ปี 62 ก็จะเป็นเทศกาลเปิดตัวสโมสร แถลงความพร้อม และเปิดตัวชุดใหม่กันแล้ว และนั่นก็จะเป็นสัญญาณว่าฟุตบอลไทยลีกใกล้จะกลับมาฟาดแข้งกันแล้วโดยไทยลีก ฤดูกาล 2019 จะเริ่มเปิดสนามนัดแรกเป็นฟรายเดย์ไนท์คืนวันศุกร์ที่ 22 ก.พ. 62 แล้วก็เตะกันไปยาวๆ จนถึงสิ้นเดือนตุลาคมปีหน้า พนันออนไลน์
ซึ่งอย่างที่ทุกคนรู้ว่าในฤดูกาลหน้าฟุตบอลไทยลีกนั้นมีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปพอสมควร จะมีอะไรบางนั้นเราไปดูกันหน่อย เพื่อเพิ่มบรรยากาศก่อนเชียร์ฟุตบอลไทยลีก ในซีซั่น 2019
1.จำนวนทีมที่ลดลง
เรื่องแรกทุกคนรู้อยู่แล้วว่าไทยลีก 2019 จำนวนทีมจะลดลงจากเดิม 18 ทีม เหลือ 16 ทีม ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่น่าจะเหมาะสมที่สุดกับฟุตบอลไทยลีกปัจจุบันนี้ และแน่นอนการแข่งขันมันจะเข้มข้นเร้าใจและสูสีกว่าเดิม แถมโปรแกรมก็จะไม่อัดแน่นเหมือนแต่ก่อน รับรองมันส์แน่
2.ทีมใหม่สมุทรปราการ
ในฤดูกาลใหม่นี้มี 1 ทีมในศึกไทยลีก ที่เปลี่ยนชื่อสโมสร และย้ายถิ่นฐานไปเตะที่อื่น นั่นก็คือ “พัทยา ยูไนเต็ด” ที่เปลี่ยนโฉมมาเป็น สมุทรปราการ ซิตี้ พร้อมกับย้ายรังเหย้าจากหนองปรือ ไปอยู่ที่ สนามเคหะ บางพลีห หรือสนามซูเปอร์พาวเวอร์ฯ เดิมนั่นเอง ส่วนเรื่องทีมงานสตาฟฟ์โค้ชและนักเตะยังเป็นแกนหลักของพัทยา ยูไนเต็ด เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
3.โค้ชคนใหม่
หลายๆ สโมสรมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือ ทั้งคนไทยและต่างชาติ ไปดูกันว่ามีทีมไหนที่ใช้โค้ชใหม่กันบ้าง เริ่มที่เอสซีจี เมืองทองฯ ใช้บริการ “โค้ชเบ๊” ไพโรจน์ บวรวัฒนดิลก เข้ามาคุมทีม, สิงห์ เชียงราย ได้ โจเซ่ อัลเวส บอร์จีส ชาวบราซิล เข้ามาทำทีม, สุพรรณบุรี ได้กุนซือมาดนิ่งอย่าง “โค้ชแบน” ธชตวัน ศรีปาน เข้ามาทำทีม, สุโขทัย ได้ ลูโบเมียร์ รีตอฟสกี้ ชาวเซอร์เบีย ของราชนาวีมาคุมทีมปีหน้า, ราชบุรี มิตรผลฯ รุ่แค่ว่าจะกลับมาใช้โค้ชสเปน แต่ยังไม่รู้ว่าใคร และน้องใหม่ ตราดเอฟซี ที่เปลี่ยนเป็น อ.พยงค์ ขุนเณร ทางเข้าSBOBET
4.ทีมน้องใหม่ 3 ทีม
สามทีมน้องใหม่ของศึกไทยลีก ฤดูกาลหน้า ประกอบไปด้วย พีทีที ระยอง แชมป์ไทยลีก 2 ,ตราด เอฟซี และ เชียงใหม่ เอฟซี ซึ่งสองทีมหลังถือว่าเป็นการเลื่อนชั้นขึ้นมาลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก
5.โค้วต้าอาเซียนแบบใหม่
สุดท้ายเป็นเรื่องโควต้าอาเซียน ที่เมื่อฤดูกาลก่อนมีการทดลองใช้โดยนับรวมกับโควต้าต่างชาติ ลงทะเบียน 5 คน ลงสนาม 3+1 แต่ในซีซั่น 2019 จะไม่จำกัดจำนวนนักเตะอาเซียน ในการลงทะเบียน แต่ในวันแข่งขันจะส่งรายชื่อผู้เล่นต่างชาติได้ไม่เกิน 7 คน และลงสนามสนระบบ 3+1+3 คือในแต่ละเกมถ้าทีมไหนใช้โควต้าตามที่บอกจะสามารถส่งต่างชาติได้ถึง 7 คน ต่อหนึ่งเกม
ขณะเดียวกันสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดโครงการ FA Development Program เพื่อมอบเงินสนับสนุนเพิ่มเติม จำนวน 5 ล้านบาท ให้แก่สโมสรสมาชิกที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก (ไทยลีก 1) เพื่อให้แต่ละสโมสรนำไปใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆ อาทิ ด้านสาธารณูปโภค, สนามแข่งขัน, อคาเดมี ฯลฯ ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น นอกจากเงินสนับสนุนประจำฤดูกาลจำนวน 20 ล้านบาท
โดยในฤดูกาล 2018 ที่ผ่านมา สโมสรในฟุตบอลโตโยต้าไทยลีก (ไทยลีก 1) จำนวน 18 ทีม นำเงินสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวนดังกล่าวไปพัฒนาสโมสร รวม 90 ล้านบาท เริ่มจากสโมสร “ค้างคาวไฟ” สุโขทัย เอฟซี ได้เล็งเห็นความสำคัญของระบบเยาวชน เพื่อวางรากฐานของสโมสรให้แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนจึงนำเงินจำนวน 5 ล้านบาท ไปสร้างอาคารศูนย์ฝึกเยาวชน พร้อมกับก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคด้วยการติดตั้งถังกักเก็บน้ำไว้ใช้งานบริเวณสนาม
ส่วนน้องใหม่ “ต่อพิฆาต” พีที ประจวบ เอฟซี ที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก นำเงินไปพัฒนาอัฒจันทร์ของสามอ่าว สเตเดียม รวมไปถึงปรับปรุงห้องทำงานสำหรับสื่อมวลชน พื้นที่ตั้งกล้องถ่ายวิดีโอ และระบบไฟฟ้า ให้มีความพร้อมให้ผู้สื่อข่าวทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
“ราชันมังกร” ราชบุรี เอฟซี ที่กำลังเดินหน้าพัฒนาสโมสรอย่างไม่หยุดยั้ง ได้นำเงินสนับสนุนไปใช้ในการสร้างสนามเหย้าแห่งใหม่ “มิตรผล สเตเดียม” ให้ทันสมัยและสวยงาม เพื่อยกระดับให้เป็นทีมระดับแนวหน้าของประเทศไทยเช่นเดียวกับสโมสรแอร์ฟอร์ซ เซ็นทรัล เอฟซี และ นครราชสีมา เอฟซี ที่นำเงินไปปรับปรุงสนามเหย้าอาทิ พื้นหญ้าและไฟฟ้าส่องสว่าง ของตัวเองให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น ตามหลักเกณฑ์ที่ทางสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย แทงบอลออนไลน์
ขณะที่ สุพรรณบุรี เอฟซี เน้นนำเงินไปปรับปรุงสนามแข่งขันของตัวเองเช่นกัน โดยเฉพาะในส่วนของการปรับพื้นหญ้าของสนามกีฬากลาง จ.สุพรรณบุรี ให้มีความสมบูรณ์พร้อมใช้งานในฤดูกาล 2019 นอกจากนี้ ยังนำเงินไปซื้ออุปกรณ์ออกกำลังกาย ปรับปรุงสนามฝึกซ้อม และซ่อมแซมจอแอลอีดี ในสนามอีกด้วย
ด้าน ชัยนาท ฮอร์นบิล นำเงินไปพัฒนาเขาพลอง สเตเดียม รังเหย้าเป็นหลักด้วยการปรับปรุงพื้นสนาม ติดตั้งหัวรดน้ำบริเวณสนาม และซื้อรถตัดหญ้า พร้อมทำพนักพิงในสนามและคลับเฮาส์ของสโมสร “เทพอินทรี” อุบล ยูเอ็มที ยูไนเต็ด อีกหนึ่งทีมดังในจากภาคอีสาน ได้เล็งเห็นความสำคัญของแฟนบอลในท้องถิ่น จึงมีการใช้เงินไปสร้างร้านขายสินค้าของสโมสรคือ อุบล ยูเอ็มที คอมเพล็กซ์ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ออกกำลังกายอีกด้วย
ข้ามไปที่ดินแดนล้านนา “กว่างโซ้งมหาภัย” สิงห์ เชียงราย ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์ช้าง เอฟเอคัพ สองสมัยติดต่อกัน นำเงินไปติดตั้งเก้าอี้ในสนาม, วางท่อระบายน้ำเพิ่มเติม, และปรับปรุงห้องรับรองแขกระดับวีไอพี ส่วนโปลิศ เทโร เอฟซี ที่ปรับปรุงห้องแต่งตัวและห้องรับแขกให้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังปรับปรุงห้องฟิสเนสของสโมสร
สโมสรเอสซีจี เมืองทองฯ ปรับปรุงเอสซีจี สเตเดียม โดยนำงบประมาณไปปรับปรุงระบบไฟฟ้าส่องสว่างมากขึ้น เช่นเดียวกับ “โลมาน้ำเงิน” พัทยา ยูไนเต็ด ได้ปรับปรุงไฟสนามเทศบาลนครเมืองหนองปรือให้ได้มาตรฐานของสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)
ขณะที่ “ปราสาทสายฟ้า” บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เจ้าของแชมป์โตโยต้า ไทยลีก ที่นำเงินไปปรับปรุงระบบไฟในสนาม และเปลี่ยนโคมไฟ ที่สนามช้าง อารีน่า รวมทั้งติดตั้งเสาไฟในสนามฝึกซ้อมบางบ่อ จ.สมุทรปราการ ด้านรองแชมป์อย่าง ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ใช้เงินไปปรับปรุงไฟภายในทรู สเตเดียม และสนามฝึกซ้อม
“บางกอกกลาส เอฟซี” นำเงินไปเปลี่ยนแปลงป้าย LED รอบสนามเหย้าของตัวเองให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น “ตะหานน้ำ” ราชนาวี เป็นอีกทีมที่นำเงินไปปรับปรุงสนามฝึกซ้อมให้มีความเพียบพร้อมกว่าเดิม อีกหนึ่งทีมยักษ์ใหญ่แห่งภาคตะวันออก “ฉลามชล” ชลบุรี เอฟซี เน้นนำเงินไปสร้างที่พักนักกีฬา และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้มีความพร้อมมากขึ้น
ปิดท้ายด้วย การท่าเรือ เอฟซี ที่นำเงินไปปรับปรุงพื้นและระบบระบายน้ำในสนาม พร้อมด้วยห้องตรวจโด๊ป และร้านค้า บริเวณแพท สเตเดี้ยม
สำหรับโครงการ FA Development Program 2018 เป็นโครงการต่อเนื่องที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำเงินที่ได้จากการสนับสนุนมามอบให้กับสโมสรฟุตบอลเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และจะยังคงดำเนินการต่อในฤดูกาล 2019 โดยสโมสรในไทยลีกจะได้รับสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 5 ล้านบาท และ สโมสรไทยลีก 2 จำนวน 1 ล้านบาท ส่วนสโมสรไทยลีก 3 และ ไทยลีก 4 ได้รับงบสนับสนุนเพิ่มเติมจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อให้แต่ละสโมสรนำไปใช้ในการพัฒนาด้านต่างๆ ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้นต่อไป
